ทอง เค (K) คืออะไร
เมื่อพูดถึงทอง เค หลายคนอาจเข้าใจผิด คิดว่าคือทองปลอม แท้ที่จริงแล้ว ทองเค ย่อมาจากคำว่า Karat กะรัตทอง เป็นหน่วยวัดความบริสุทธิ์ของทองคำ ในส่วนต่อ 1000 หรือ 100% โดยมาตรฐานกำหนดค่า K สูงที่สุดคือ 24 K ดังนั้น ตัว K มักจะใช้สัญลักษณ์เป็นตัวเลข 3 หลัก ซึ่งหารด้วย 1000 แล้วก็จะได้เป็นเปอร์เซนต์ทอง หรือ เป็นตัว K ตรง ไปเลยก็ได้ค่ะ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราเห็นตัวเลขปรากฎบนทองคำ 585 นั่นหมายถึง ทองนั้นคือทอง 14 K ซึ่งมีเนื้อทองคำอยู่ 58.5% หรือ ถ้าปรากฎ 750 นั่นก็คือทอง 18 K มีเนื้อทองผสมอยู่ 75.0% นั่นเองค่ะ
9 K 14 K 18 K เราควรใช้ทองอะไร
เมื่อเราทราบแล้วว่าทอง K คืออะไร สรุปได้ว่า ไม่ใช่ทองปลอม แต่เอ…. เราจะใช้ทองอะไร ในการทำเครื่องประดับชิ้นโปรดของเรากันล่ะคะ
– 8K : ทอง 33.3% (พบเจอได้ในกลุ่มประเทศยุโรป)
– 9K : ทอง 37.5% (พบเจอได้ในฝั่งอังกฤษและออสเตรเลีย)
– 10K : ทอง 41.6% (ได้รับความนิยมในประเทศสหรัฐอเมริกา ในเครื่องประดับราคาย่อมเยาว์)
– 12K : ทอง 50% (ส่วนใหญ่มักพบเป็นนาฬิกาโบราณ)
– 14K : ทอง 58.5% (หาพบได้ในตลาดเอเชีย และตลาดต่างประเทศรวมถึงในประเทศสหรัฐอเมริกา )
– 18K : ทอง 75% (เป็นที่นิยมมากที่สุด ทอง18k เป็นมาตรฐานทองเกรดสูงสุดที่ใช้ในการทำเครื่องประดับเพชร)
– 22K : ทอง 91.6 (เราเรียกกันว่าทอง 90 มักนำมาทำ แหวนสีทอง ในกรณีที่ต้องการ % ทองสูงขึ้น และ กรอบพระต่างๆ)
– 24K : ทอง 99.99% (เรามักเรียกกันว่าทองร้อย หรือ ทองบริสุทธิ์ นิ่มเกินไปสำหรับการผลิตเครื่องประดับจิวเวลรี่)
ปกติแล้ว ทอง 100% (หรือ 99.99%) และทอง 96.5% จะมีความอ่อนมาก จึงไม่เหมาะกับการทำเป็นเครื่องประดับฝังเพชรพลอย เพราะจะทำให้หลุดออกจากตัวเรือนได้ง่าย จึงนิยมนำมาทำเป็นทองแท่งและทองรูปพรรณมากกว่า สำหรับทองที่ใช้ในการทำจิวเวลรี่ ที่ได้มาตรฐาน จะเป็นทอง 18K (75%) เพราะมีความแข็งแรงและคงทน ความแข็งแรงนี้เกิดจากการนำทองมาผสมกับโลหะอื่นๆ เช่น เงิน ทองแดง สังกะสี ในอัตราส่วนที่เหมาะสม
ที่นี้เราก็ทราบกันแล้วนะคะ ว่าทองแต่ละ K เหมาะสำหรับเครื่องประดับชนิดไหนบ้าง ได้เวลาชอปปิ้งกันแล้วล่ะค้าาา